สตรีนิยมในยุคแห่งการรู้แจ้งและเสรีนิยม (Enlightenment Liberal Feminism)
ในศตวรรษที่ 16 – 19 ได้มีขบวนการการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีขึ้นในโลกตะวันตกอันเป็นผลจากการที่เกิดกระแสปฏิวัติขึ้นในระยะเวลาดังกล่าว เช่น การปฏิวัติอเมริกา (ค.ศ. 1776) การปฏิวัติฝรั่งเศส (ค.ศ.1789) เป็นต้น ในการต่อสู้ของขบวนการสตรีนิยมดังกล่าวมีผลงานชิ้นสำคัญของ แมรี วอลสโตนคราฟต์ (Mary Wollstonecraft) เรื่อง ความชอบธรรมในสิทธิของผู้หญิง (A Vindication of the Right of Woman) เป็นผลงานที่ให้อิทธิพลกับความคิดและแนวทางการเคลื่อนไหว
โดยหลักแล้วสตรีนิยมในยุคแห่งการรู้แจ้งและเสรีนิยมมีความคิดว่าผู้หญิงถูกจำกัดให้อยู่ในพื้นที่ของบ้าน (domestic/private sphere) ในบทบาทของแม่ เมีย ลูกสาว พี่สาว หรือน้องสาว เพราะถูกสันนิษฐานไว้แต่เบื้องต้นว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีเหตุผล อารมณ์แปรปรวน และต้องถูกควบคุมจากสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผล หนักแน่น ซึ่งก็คือ เพศชาย โดยที่ความเป็นพลเมือง (citizenship) ของผู้หญิงจะถูกโอนให้ผู้ชายเป็นตัวแทนของเธอในพื้นที่สาธารณะ (public sphere) และสถานะของพวกเธอก็จะเป็นเพียงทรัพย์สินของพวกเขาเท่านั้น จึงเท่ากับว่าผู้หญิงตกอยู่ในสภาพที่ตายทางการพลเมือง (instant civil death) ด้วยการแต่งงาน
แนวความคิดพื้นฐานของสตรีนิยมในยุคแห่งการรู้แจ้งและเสรีนิยม ได้แก่
1. ความศรัทธาในเหตุผลของปัจเจก ในแง่ที่เป็นความศักดิ์สิทธ์ิเช่นเดียวกันกับพระผู้เป็นเจ้า
2. ความเชื่อว่าเพศหญิงและชายเท่าเทียมกันในความสามารถทางเหตุผลและจิตวิญญาณ
3. ความเชื่อว่าการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคม
4. การมองปัจเจกเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอิสระไม่ขึ้นกับสิ่งอื่น
5. การนิยามให้สิทธิตามธรรมชาติ (natural rights) คือ สิทธิในการออกเสียงเลือกตั้ง (right to vote)
ข้อเสนอหลักของสตรีนิยมในยุคแห่งการรู้แจ้งและเสรีนิยม คือ การให้การศึกษาทีี่เหมาะสมแก่ผู้หญิงซึ่งจะนำไปสู่การปลดปล่อยผู้หญิง การให้ค่าแรงที่เหมาะสมแก่ผู้หญิงซึ่งจะนำไปสู่ความเคารพในตนเอง และความเชื่อมั่นในตนเอง และ สิทธิพลเมืองของผู้หญิงที่เท่าเทียมกับผู้ชายที่รวมทั้งสิทธิในการลงคะแนนเลือกตั้ง และสิทธิในการพูดในพื้นที่สาธารณะ
เป็นที่น่าสังเกตว่าในระยะหนึ่งขบวนการสตรีนิยมในยุคแห่งการรู้แจ้งและเสรีนิยมนั้นได้เข้าไปร่วมมือกับกลุ่มคนผิวดำที่ตกเป็นทาสและยังไม่ได้รับสิทธิพลเมืองเท่าเทียมกับคนผิวขาว แต่สุดท้ายแล้วการปลดป่อยทาสผิวดำและการรับรองสิทธิพลเมืองของคนผิวดำกลับเกิดขึ้นก่อนการปลดปล่อยผู้หญิงผิวขาวเสียอีก
ข้อเสียของสตรีนิยมในยุคแห่งการรู้แจ้งและเสรีนิยม คือ การที่ขบวนการการต่อสู้ของสตรีในยุคนี้ไม่มองถึงความเป็นเพศไม่ว่าจะเพศหญิงหรือชาย หากแต่ขบวนการนี้มองแค่เพียงความเท่าเทียมในสิทธิกันในฐานะความเป็นมนุษย์ที่มีความสามารถในการเหตุผลอย่างเสมอภาคกัน
ในกรณีของประเทศไทย เราอาจสังเกตตัวอย่างของการต่อสู้หรือแนวนโยบายสาธารณะแบบสตรีนิยมในยุคแห่งการรู้แจ้งและเสรีนิยมได้ เช่น การเรียกร้องสิทธิสตรีที่เท่าเทียมกับบุรุษ สิทธิที่ผู้หญิงจะใช้นามสกุลเดิมหลังแต่งงาน เป็นต้น
No comments:
Post a Comment